เด็กติดจอทำให้กลายเป็นเด็กไม่ยอมพูดจริงไหม สำรวจลูก 1 ขวบเพื่อหาคำตอบเรื่องนี้กัน

สร้างบรรยากาศที่ดีในการอาบน้ำ

Key Takeaways:

  • ผลกระทบจากการที่เด็กติดจอส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านภาษาของลูกน้อย มากกว่าที่คุณพ่อคุณแม่คิด ทำให้เด็กไม่ยอมพูด เมื่อเทียบกับพัฒนาการของเด็กในวัยเดียวกัน ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กติดจอ และจำกัดเวลาใช้หน้าจอของเด็กวัย 1-2 ปี และให้คุณพ่อคุณแม่อยู่พูดคุยกับลูกน้อยเมื่อต้องมีการใช้จอ หรือใช้กิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาแทนเพื่อลดปัญหาเด็กติดจอเพื่อให้ลูกน้อยเติบโตได้อย่างสมวัย

  • รวม 4 กิจกรรมที่เหมาะกับลูกน้อยเพื่อแก้ปัญหาเด็กติดจอ ที่เหมาะกับการใช้เวลาในครอบครัวร่วมกันไม่ว่าจะเป็น การเล่านิทานพร้อมภาพประกอบ การร้องเพลง และฝึกเล่นเกมทายชื่อสิ่งของเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อย  การได้ร่วมเล่นกับคุณพ่อคุณแม่ และเพื่อนวัยเดียวกัน เช่นการเล่นทายคำภาษาอังกฤษ หรือแปะชื่อในสมุดภาพ และการผ่อนคลายจากความเครียดด้วยการการนวดผ่อนคลายในช่วงเวลาอาบน้ำด้วยเคล็ดลับการเลือกโลชั่นและสบู่เหลวช่วยปกป้องผิวของลูกน้อยตั้งแต่วัย 1 ขวบขึ้นไป


ในปัจจุบัน การให้เด็กดูหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ แท็บเล็ต หรือโทรทัศน์ เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ผู้ปกครองมักใช้เทคโนโลยีช่วยให้ลูกสงบในช่วงเวลาที่ต้องการทำงาน หรือต้องการเวลาส่วนตัว อย่างไรก็ตาม มีคำถามสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ หลายคนสงสัยว่า "เด็กติดจอทำให้กลายเป็นเด็กไม่ยอมพูด" โดยเฉพาะเด็กที่มีช่วงอายุในวัย 1 ขวบส่งผลกระทบต่อพัฒนาทางการพูด เรื่องนี้จะจริงหรือไม่? ลองมาหาคำตอบกันหน่อยดีกว่า

ผลกระทบของหน้าจอต่อพัฒนาการทางภาษาของลูกน้อย

จากการศึกษาพบว่าเด็กติดจอมากเกินไปอาจมีผลกระทบต่อพัฒนาการทางภาษาของลูกน้อยโดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เด็กวัยนี้กำลังอยู่ในช่วงที่สมองพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยการเรียนรู้ภาษาของลูกน้อยต้องอาศัยการโต้ตอบกับพ่อแม่ หรือผู้ดูแลมากกว่าการรับข้อมูลจากหน้าจอเพียงอย่างเดียว 


เมื่อเด็กติดจอเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้พวกเขาได้รับการกระตุ้นทางภาษาน้อยลง เพราะการสื่อสารผ่านหน้าจอไม่สามารถทดแทนการโต้ตอบแบบตัวต่อตัวได้ นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่าผู้ปกครองที่ให้เด็กติดจอมากเกินไป มักจะมีการพูดคุยกับลูกน้อยลง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เด็กไม่ยอมพูด หรือพูดช้ากว่าปกติเมื่อเทียบกับเด็กน้อยวัยเดียวกัน 

ทำให้เด็กอยากอาบน้ำ

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีใช้หน้าจอ

จากปัญหาเด็กติดจอทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก รวมถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) และสมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (AAP) ได้แนะนำว่าเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีไม่ควรได้รับการสัมผัสกับหน้าจอเลย และเด็กวัย 1-2 ปี ควรจำกัดการใช้หน้าจอให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หรือถ้าจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ควรให้เด็กติดจอได้ไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมง โดยต้องมีผู้ปกครองดูแล และมีการพูดคุยกับลูกน้อยร่วมด้วย


เหตุผลสำคัญที่เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีไม่ควรใช้หน้าจอ คือช่วงวัยนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนาทักษะพื้นฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะการสื่อสาร และการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว การให้เด็กดูหน้าจอมากเกินไปอาจส่งผลต่อพัฒนาการด้านภาษาทำให้เด็กไม่ยอมพูด หรือพูดช้ากว่าปกติได้  

เด็กติดจอ ไม่ยอมพูด ส่งผลต่อพัฒนาการทางภาษาหรือไม่?

จากข้อมูลที่กล่าวมา การให้เด็กติดจอมากเกินไปอาจส่งผลให้เด็กไม่ยอมพูด หรือพูดช้ากว่าปกติ เนื่องจากพวกเขาขาดการโต้ตอบทางภาษาที่สำคัญจากคุณพ่อคุณแม่ และคนรอบตัว โดยเฉพาะในช่วงวัย 1 ขวบที่เป็นช่วงสำคัญของพัฒนาการทางภาษา


หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้ลูกน้อยมีพัฒนาการทางภาษาที่ดี ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กติดจอ และเน้นการสื่อสารผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเล่านิทาน การร้องเพลง การอาบน้ำ หรือการได้เล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้ลูกน้อยได้เรียนรู้เรื่องการใช้ภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

คำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกน้อยมีพัฒนาการทางด้านการพูด

1. หลีกเลี่ยงการให้เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีใช้หน้าจอ

2. จำกัดเวลาใช้หน้าจอของเด็กวัย 1-2 ปี และให้คุณพ่อคุณแม่อยู่พูดคุยกับลูกน้อยเมื่อต้องมีการใช้จอ

3. ใช้กิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาแทนการใช้หน้าจอ

4. สร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการพูดคุยและการสื่อสารในครอบครัว


การพัฒนาทักษะการสื่อสารของลูกน้อยเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเวลา รวมถึงควรมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะแม้เทคโนโลยีจะมีประโยชน์ แต่การให้ความสำคัญกับการพูดคุย และเล่นกับลูกน้อย จะช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ พร้อมทักษะทางภาษาที่แข็งแกร่งจะช่วยเสริมสร้างความสามารถในด้านต่าง ๆ ของลูกน้อยให้เป็นไปตามการเติบโตในแต่ละช่วงวัย เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อ คุณแม่ รวมไปถึงผู้ปกครองที่เลี้ยงดูบุตรหลานไม่ควรปล่อยปละละเลย อีกทั้งหากขาดการสังเกตด้วยแล้วการให้เด็กติดจอที่มากเกินไปจะยิ่งส่งผลเสียมากกว่าที่จะได้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี


วิธีเสริมพัฒนาการด้านภาษาของเด็กโดยไม่ใช้หน้าจอ

หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาของลูกน้อย ควรใช้กิจกรรมที่มีการโต้ตอบ และกระตุ้นการสื่อสารโดยตรงแทนการให้ลูกติดจอ สำหรับกิจกรรมที่สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านภาษาของลูกน้อยในวัยนี้ ขอแนะนำ 4 กิจกรรมดี ๆ ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเด็กติดจอให้กับลูกน้อยของเรา

สร้างบรรยากาศที่ดีในการอาบน้ำ



1. การเล่านิทานพร้อมภาพประกอบ

การเล่านิทานเป็นวิธีที่ดีในการกระตุ้นพัฒนาการด้านภาษา และจินตนาการของลูกน้อยได้ทุกช่วงอายุ คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกนิทานที่มีภาพประกอบสีสันสดใส และใช้เสียงสูงต่ำเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกน้อย นอกจากนี้ การตั้งคำถามระหว่างเล่านิทานยังช่วยกระตุ้นให้ลูกน้อยพยายามพูด และโต้ตอบกับเราได้มากขึ้น

สร้างบรรยากาศที่ดีในการอาบน้ำ







2. การร้องเพลง และเล่นเกมทายชื่อสิ่งของ

เพลงสำหรับเด็กที่มีจังหวะสนุกสนานสามารถช่วยให้ลูกน้อยได้เรียนรู้คำศัพท์ และโครงสร้างประโยคได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น เพลงที่มีท่าทางประกอบ หรือเพลงที่ให้ลูกน้อยมีส่วนร่วมในการร้องตาม นอกจากนี้ การเล่นเกมภาษาง่าย ๆ เช่น การถาม-ตอบ ชื่อสิ่งของ หรือการชี้ และเรียกชื่อสิ่งของรอบตัว สามารถช่วยให้ลูกน้อยได้พัฒนาทักษะด้านภาษา และโต้ตอบมากขึ้นอีกด้วย

สร้างบรรยากาศที่ดีในการอาบน้ำ




3. การเล่นได้ร่วมเล่นกับคุณพ่อคุณแม่ และเพื่อนวัยเดียวกัน

เด็ก ๆ ที่มีโอกาสเล่นกับคุณพ่อคุณแม่ และเพื่อนในวัยเดียวกัน มักจะมีพัฒนาการทางภาษาที่ดีขึ้นกว่าการเล่นคนเดียว หรือเป็นเด็กติดหน้าจอ คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกในวัยนี้ ควรหาโอกาสให้ลูกน้อยได้เล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน เช่น เล่นทายคำภาษาอังกฤษ หรือแปะชื่อในสมุดภาพ ก็ช่วยฝึกทักษะการสื่อสาร การแบ่งปัน และทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ให้กับลูกน้อยมากกว่าเดิม

สร้างบรรยากาศที่ดีในการอาบน้ำ












4. การสื่อสารผ่านการอาบน้ำ และการนวด

สำหรับครอบครัวที่มีปัญหาลูกติดจอ จนส่งผลกระทบให้เด็กไม่ยอมพูด ในช่วงเวลาการอาบน้ำของลูกน้อยในแต่ละวัน หากคุณพ่อคุณแม่ ได้ใช้เวลาร่วมกันสร้างความผูกพันระหว่างครอบครัว โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถพูดคุยกับเกี่ยวกับกิจกรรมของลูกน้อยที่ทำอยู่ เช่น "น้ำอุ่นไหมลูก?", "เรากำลังล้างมือนะ" หรือ "ฟองสบู่เยอะเลย" 

วิธีนี้จะช่วยลดอาการเด็กติดจอ เพราะลูกน้อยจะได้มีกิจกรรมใหม่ ๆ อย่างเช่นได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ และได้เข้าใจบริบทของคำต่าง ๆ ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ใช้เวลาอาบน้ำลูกน้อย อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือ การได้นวดตัวลูกน้อยซึ่งการทำแบบนี้ก็ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการ และการดูแลผิวพรรณของลูกน้อยในวัย 1 ขวบได้เป็นอย่างดี กิจกรรมนี้จะช่วยผ่อนคลายความเครียดจากปัญหาลูกติดจอได้อย่างคาดไม่ถึง


ในส่วนนี้คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกโลชั่นสำหรับผิวพรรณของลูกน้อยให้เหมาะสม ที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ โดยอาจเลือกจากปัจจัยดังนี้

  • เลือกโลชั่นที่มีส่วนผสมจากสารสกัดออร์แกนิค ลดการระคายเคือง เพื่อปลอบประโลมผิว และอารมณ์ให้ลูกน้อยผ่อนคลาย

  • เลือกโลชั่นที่มีค่า pH-balanced 5.5 ที่มีพลังความอ่อนโยนเพื่อผิวที่แข็งแรงที่สุดของความอ่อนโยน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ เพราะช่วยปกป้องผิวพรรณให้สมดุล และปกป้องน้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ

  • ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ Hypoallergenic Tested และ Derma-Tologically Tested จากสถาบันที่น่าเชื่อถือ

  • เพื่อผ่อนคลายอาการลูกน้อยติดจอ ควรเลือกใช้โลชั่นบำรุงผิวหน้าและผิวกายสูตรอ่อนโยน ที่สามารถทาบำรุงผิวให้ลูกน้อยได้ทันทีหลังอาบน้ำ เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากการบำรุงในครั้งเดียว



บทความโดยนักจิตวิทยาเด็ก


สร้างบรรยากาศที่ดีในการอาบน้ำ




เลือกโลชั่นและสบู่เหลวที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยระหว่างอาบน้ำ ตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป


การได้นวดตัวลูกน้อยเบา ๆ ด้วยโลชั่นและสบู่เหลว สำหรับลูกน้อยหลังจากที่ปล่อยให้เด็กติดจอมาทั้งวัน นอกจากช่วยให้ลูกน้อยได้ผ่อนคลายจากการใช้ร่างกาย การนวดตัวลูกน้อยระหว่างอาบน้ำในทุก ๆ วัน นอกจากจะช่วยปกป้องผิวลูกน้อยจากความสกปรกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างวัน กิจกรรมเหล่านี้ยังช่วยสานสัมพันธ์ในครอบครัวจากการใช้เวลาด้่วยกัน ลดปัญหาเด็กไม่ยอมพูดกับใคร เพราะติดจอมากเกินไป


โดยตัวอย่างโลชั่นและสบู่เหลว สำหรับลูกน้อยน่าใช้ที่คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกให้เด็ก ๆ ได้ผ่อนคลายกับการอาบน้ำ และมีกลิ่นหอมอ่อนโยน ปลอดภัย และมาพร้อมกับคุณสมบัติเฉพาะตัวหลากหลายหลังเด็กติดจอมาตลอดทั้งวัน อาจเลือกจากสูตรเหล่านี้ เช่น 

  • สูตรดับเบิ้ลมิลค์ แอนด์ วิตามินอี เพิ่มความเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นนานด้วย เชียบัตเตอร์และวิตามินอี และบำรุงด้วยดับเบิ้ลมิลค์โปรตีน 

  • สูตรโรสฮิป แอนด์ คาโมมายล์ มีวิตามินเอ กรดไขมันจำเป็นและโอเมก้า-6 ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้น

  • สูตรกู๊ดไทม์ มี Relaxing Technology พร้อมกลิ่นหอมละมุนจากธรรมชาติให้ลูกน้อยหลับสบายและเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านอารมณ์ และปราศจาก 7 สารระคายเคืองผิว

  • อินเทนซีฟ เบบี้ โลชั่น  มีส่วนประกอบมอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้นจาก 7 สารสกัดธรรมชาติ เป็นโลชั่นเข้มข้นสำหรับเด็ก ที่ช่วยบำรุงล้ำลึกได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ครบจบในหลอดเดียว


โดยจุดเด่นสำคัญของสบู่เหลวอาบน้ำ dmp ที่ตอบโจทย์การอาบน้ำให้ลูกน้อยได้อย่างเหมาะเจาะคือการเป็นสบู่ที่มีความปลอดภัยสูงและอ่อนโยนมาก เนื่องจากตัวสบู่เหลวใช้ส่วนผสมออร์แกนิค มีค่า pH สมดุลอยู่ที่ 5.5 ปราศจากสารระคายเคืองผิวมากถึง 7 ชนิด และยังผ่านการทดสอบทางการแพทย์ Hypoallergenic Tested จากแพทย์ผิวหนัง คุณพ่อคุณแม่จึงอาบน้ำให้ลูกน้อยได้อย่างมั่นใจ พร้อมได้ใช้เวลาครอบครัว ลดปัญหาห่างเด็กติดจอ จากการไม่มีเวลาครอบครัว ให้มากขึ้น


การเลือกสบู่เหลวสูตรที่ใช่จะช่วยให้ทุกการอาบน้ำให้ลูกน้อยของคุณผ่อนคลายได้มากกว่าเดิม ให้ลูกน้อยหอมสะอาดพร้อมบำรุงผิวพรรณให้แข็งแรงสมวัยไปด้วยในเวลาเดียวกัน 


นอกจากสบู่เหลวอาบน้ำแล้ว dmp ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กอื่น ๆ ให้คุณพ่อคุณแม่เลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจ ตอบโจทย์การดูแลลูกน้อยได้ดีที่สุด



ติดตาม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือโปรโมชัน ได้ตามช่องทางติดต่อด้านล่าง





Reference : 


  • https://publications.aap.org/pediatrics/article-abstract/138/6/e20161641/5
  • 2626/Anthropometric-Charts-for-Infants-Born-Between-22?redirectedFrom=fulltext
  • https://multimedia.anamai.moph.go.th/news/031163-01/


RELATED

Card image cap

Gen Alpha ทำยังไง เมื่อปู่ย่าตายาย Gen X,B บอกแบบนั้น แต่พ่อแม่ Gen Y เลี้ยงแบบนี้! ปรับไงให้ลงตัว

Generation Gap ที่แตกต่างกัน ย่อมทำให้มุมมองในการเลี้ยงลูกแตกต่างกันตามไปด้วย และเมื่อความแตกต่างนั้นไม่ได้รับการแก้ไข ก็อาจกลายเป็นปัญหาครอบครัวในระยะยาว และส่งผลกระทบต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยโดยไม่รู้ตัว แล้วแบบนี้ การเลี้ยงลูกแบบไหนกันนะที่ดีที่สุด วิธีเลี้ยงลูก Gen Alpha ควรมีแนวทางการเลี้ยงดูแบบไหน ถึงจะเหมาะสม ทันสมัย และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก? มาหาคำตอบไปพร้อมกัน!

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Card image cap

Newborn 101 : ไขข้อสงสัย! เลี้ยงลูกตามหลักการแพทย์สมัยใหม่หรือฟังฟังคำแนะนำรุ่นคุณยาย?

พ่อแม่มือใหม่ นอกจากจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงบทบาทในการเป็นพ่อแม่ครั้งแรก ก็ยังอาจต้องเผชิญกับปัญหาในครอบครัวเนื่องจากปู่ย่าตายายไม่เห็นด้วยกับวิธีเลี้ยงลูกแบบใหม่

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Card image cap

ผื่น PM 2.5 เพราะอากาศแย่ ผิวลูกแพ้ง่าย! อาบน้ำยังไงให้ปลอดภัยจากมลภาวะ

ในปัจจุบันนี้ ปัญหามลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ได้กลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคน แต่ เด็กเล็ก ถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบต่อร่างกายได้มากกว่าผู้ใหญ่ จึงทำให้เสี่ยงต่อผื่น PM 2.5 และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม